เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
Work like you don't need the money.Dance like no one is watching.Sing like no one is listening.Love like you've never been hurt.And live life every day as if it were your last.

วันเสาร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2554

"เราหลงลืมอะไรบางอย่าง:การปะทะกันระหว่างของใหม่กับของเก่า"


 "…วีรชนจริงๆ คือคนที่ตายไปแล้วเท่านั้นนะอาจารย์ ไอ้พวกที่อยู่รอดก็เป็นแค่พวกเก็บดอกผลจากวีรชนที่ล่วงลับไปแล้วเท่านั้น…”

- เรื่องสั้น ฟ้าเดียวกัน วัชระ สัจจะสารสิน

...ผมจำได้ว่าเมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมเรียนอยู่ประมาณปีสามได้มีการสัมมนาที่โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว เกี่ยวกับบทบาทของนักศึกษาไทยในยุคปัจจุบันโดยการบรรยายในวันนั้นเป็นศิลปินท่านหนึ่งที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน วันนั้นมีเพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งถามถึงเหตุการณ์บ้านเมืองในสมัยวีรชนคนตุลา เธอคนนั้นรู้สึกว่านักศึกษาปัจจุบันนั้นไร้คุณค่าหาได้มีความกล้าหาญเหมือนสมัยก่อน สำหรับผมในวันนั้นผมมีความเห็นแตกต่างจากเธอโดยสิ้นเชิงการแก้ปัญหาในอดีต ได้แสดงให้เราเห็นความสูญเสียผู้คนที่เราเรียกขานว่าวีรชน การห้ำหั่นกันด้วยความรุนแรงมักจะจบลงด้วยความสูญเสีย แต่คนกลับเห็นว่านั้นคือการเสียสละเพื่อบ้านเมืองโดยไม่คำนึงว่าคนข้างหลังพวกเขาจะเป็นอย่างไร ปัจจุบันนี้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่ทำไมคนยังยึดติดกับรูปแบบการเรียกร้องในอดีต บ้านเมืองบอบซ้ำมาพอแล้วกับรูปแบบการปฏิรูปเดิมๆที่คิดถึงตัวเองเป็นใหญ่โดยใช้คำว่าทำเพื่อชาติบังหน้า ในวันนั้นผมไม่ได้ถกเถียงเรื่องนี้กับเธอเพราะเวลาใกล้จะหมด แต่หลังจากอ่านเรื่องสั้น เราหลงลืมอะไรบางอย่างเจ้าของรางวัล S.E.A. WRITE ปีนี้ ภาพวันนั้นแว่บเข้ามาในหัวและอยากจะบอกกับเธอว่า เราไม่ได้ไร้คุณค่าแต่สังคมสมัยใหม่นี้ต่างหากที่มองว่าเราไร้คุณค่า...


...วัชระ สัจจะสารสิน ได้มองสังคมเมืองในมุมมองใหม่ ผู้คนมีความเป็นส่วนตัวไม่สนใจรอบข้าง เห็นได้ชัดกับเรื่องสั้นบางเรื่องที่มองการปฏิวัติเป็นเรื่องปกติไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แม้จะรู้ข่าวว่ามีการปฏิวัติแต่ก็ยังหนีเมียออกไปหาความสุขกับกิ๊กทั้งคืนในอพาร์ทเม็นต์เล็กๆ แม้ข้างนอกจะเต็มไปด้วยรถถัง หรือการปะทะกันทางความคิดของคนรุ่นเก่าที่ผ่านเหตุการณ์ปฏิวัติและหลงใหลได้ปลืมกับคำว่าวีรชนจนลืมความเป็นพ่อ การล้อเลียนการไม่ยืนตรงเคารพธงชาติของคนบ้าในตลาดแห่งหนึ่งที่แอบบอกเรานัยๆ ว่าการยืนตรงเคารพธงชาติวันละ 2 ครั้งมันบอกได้หรือว่าเรารักชาติ งานเขียนของเขาทุกชิ้นในหนังสือเล่มนี้ทำให้ผมนึกถึงตัวเอง อาจจะเป็นเพราะว่าอายุผมน้อยกว่าผู้เขียนไม่มากนักมันจึงทำให้เข้าใจงานของเขาได้ไม่ยาก ทุกวันนี้มีผู้สำเร็จการศึกษามากมายในระดับอุดมศึกษาแต่หลายครั้งๆที่ผมได้สัมผัสกับคนที่เรียกตัวเองว่าบัณฑิต มักจะทำให้ผมผิดหวังอาจจะเป็นเพราะว่าสังคมสมัยนี้ทำให้คนเห็นแก่ตัว ส่วนรวมเอาไว้ทีหลัง บางคนเหมือนไม้หลักปักเลนโอนเอนไปตามกระแสสังคมโดยไร้หลักการของตัวเอง ผมโชคดีมากที่เกิดช่วงรอยต่อระหว่างการเปลี่ยนแปลงจากความเก่ากับความใหม่ มันทำให้เราได้เรียนรู้ว่าอันเก่าและอันใหม่ดีหรือไม่ดีอย่างไร คนเก่าต้องเปิดรับสิ่งใหม่เช่นเดียวกับคนใหม่ต้องเหลียวแลสิ่งเก่า มันน่าจะลดแรงปะทะกันของคนสังคมในปัจจุบันได้...



...อาจจะเป็นเพราะว่าผมเบื่อสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ทำให้ความประทับใจต่อหนังสือเล่มนี้มีน้อยกว่าหนังสือบางเล่มใน 9 เล่มที่ได้เข้าชิง S.E.A.WRITE ปีนี้ แต่คุณค่าของหนังสือเล่มนี้อาจจะเหมาะสมแล้วกับสถานการณ์บ้านเมืองที่แบ่งออกเป็นหลายๆกลุ่ม สำหรับผมแล้วไม่อยากยุ่งกับกลุ่มไหนทั้งนั้น เพราะผมอยากอยู่คนเดียว...



- อั๋นน้อย -

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น